ผัก 3 ชนิดที่ควรปรุงสุก แต่คนไทยกินดิบมาทั้งชีวิต เพราะอยู่ใน
เมนูยอดนิยม เพิ่งรู้อันตรายกว่าที่คิด!
ใครๆ ก็รู้ว่า "
ผัก" มีประโยชน์กับร่างกาย
ควรรับประทานทุกมื้อ เพราะมีใยอาหารช่วย
ทำความสะอาดลำไส้ ช่ว
ยลดการดูดซึมไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือด มี
วิตามินและแร่ธาตุ ช่วยปรับสมดุลเอนไซม์และ
ฮอร์โมนในร่างกายให้ทำงานมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีสารช่วยต้านมะเร็งบางชนิด
แต่หลายคนมีความเชื่อว่าการปรุงผักให้สุก อาจทำให้
คุณค่าทางโภชนาการลดน้อยลง ผู้คนจึงหันมากินผักดิบ ผักสลัดกันมากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าผักบางชนิดไม่ปลอดภัยพอที่จะรับประทานดิบได้ เนื่องจากอาจก่อโทษมากกว่าประโยชน์ได้ ซึ่งก็เป็นที่น่าตกใจว่า ผักที่ไม่ควรกินดิบหลายชนิด เป็นส่วนหนึ่งของเมนูโปรดที่คนไทยกินมาทั้งชีวิต
ถั่วงอก ร้านก๋วยเตี๋ยวหลายร้าน มักจะมีผักฟรีให้รับประทาน หนึ่งในนั้นคือ
ถั่วงอกดิบ กินกับก๋วยเตี๋ยวน้ำตกคือเข้ากันสุดๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ถั่วงอกดิบมีแบคทีเรียอันตรายหลายชนิด เช่น
ซัลโมเนลลา อีโคไล และลิสทีเรีย อีกทั้งในถั่วงอกดิบยังมีไฟเตทสูง โดยไฟเตทจะเข้าไปจับแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหาร ทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุได้ ดังนั้น ควรทำให้สุกก่อนกินเพื่อป้องกันและทำลายแบคทีเรียและสารไฟเตท นอกจากนี้ยังอาจมีสารโซเดียมซัลไฟต์หรือสารฟอกขาว ทำให้
คลื่นไส้ หายใจติดขัดถั่วฝักยาวผักที่คนไทยคุ้นเคยและกินเป็นประจำโดยเฉพาะในเมนู
ส้มตำ-ตำถั่ว นั่นก็ถือ ถั่วฝักยาว เรียกว่าเป็นวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้แต่รู้หรือไม่ว่า ในถั่วฝักยาวดิบมีไกลโคโปรตีน เลคติน และสารพิษสะสมอยู่ในปริมาณสูง หากร่างกายได้รับมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิด
อาการเวียนหัว คลื่นไส้ และอาเจียน นอกจากนี้ยังมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างสูง อาจทำให้ท้องอืด หรือท้องเสีย และไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาการย่อย และผู้สูงอายุ หากเป็นเมนูที่ต้องกินดิบควรล้างให้สะอาดก่อน โดยหักเป็นท่อนแล้วนำไปแช่น้ำนาน ๆ หรือไม่ก็เลือก
กินแบบสุกจะปลอดภัยกว่ากะหล่ำปลีกินไส้กรอกอีสาน ก็ต้องแนมด้วย
พริกสด ขิงดอง และกะหล่ำปลีดิบ หรือไม่ก็ทานแกล้มกับส้มตำ อร่อยเข้ากันสุดๆ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า กะหล่ำปลีดิบมีสารออกซาเลต (Oxalate) ในกะหล่ำปลีจะไปจับกับแคลเซียมที่กรวยไต จนกลายเป็น
สารแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งหากมีสารตัวนี้ที่กรวยไตมาก ๆ ก็
เสี่ยงต่อโรคนิ่วในไตได้ อีกทั้งในกะหล่ำปลีดิบยังมีน้ำตาลชนิดหนึ่ง ซึ่งคนที่มีปัญหาในระบบย่อยอาหารอาจย่อยน้ำตาลชนิดนี้ไม่ได้ และอาจนำไปสู่
อาการท้องอืด แน่นท้อง แต่หากนำกะหล่ำปลีไปปรุงสุก น้ำตาลที่ว่าก็จะเปลี่ยนโมเลกุลเป็นสารที่ย่อยได้ง่าย นอกจากนี้ในกะหล่ำปลีดิบยังมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) สารที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายดึงไอโอดีนจากเลือดไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ จนอาจก่อให้เกิด
โรคคอหอยพอกได้ ดังนั้นผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์จึงไม่ควรกินกะหล่ำปลีดิบ แต่กอยโตรเจนจะสลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อโดนความร้อน ฉะนั้นจึง
ควรบริโภคกะหล่ำปลีแบบ
ปรุงสุกจะดีกว่าTags :
ลองเบต69