วิธีเก็บตัวอย่างดิน (Soil Sampling) ✨🥇🛒 ในการทำ Soil Test ✅👉📢

  • 4 Replies
  • 426 Views
*

dsmol19

  • *****
  • 4698
    • View Profile
การทำ Soil Test (Soil Boring) เป็นขั้นตอนสำคัญในงานวิศวกรรมโยธาและการก่อสร้าง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จำเป็นในการออกแบบและวางแผนงาน รูปแบบการเก็บตัวอย่างดิน (Soil Sampling) เป็นขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการนี้ ซึ่งต้องการความระมัดระวังและความชำนาญเพื่อให้ได้ตัวอย่างดินที่มีคุณภาพดี โดยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะหลักๆ คือ ตัวอย่างดินคงสภาพ (Undisturbed Sample) และตัวอย่างดินเปลี่ยนสภาพ (Disturbed Sample) ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีการเก็บตัวอย่างดินในการทดสอบดิน โดยครอบคลุมทั้งสองลักษณะนี้

🎯🎯🎯การเก็บตัวอย่างดินคงสภาพ (Undisturbed Sample) สำหรับการเจาะสำรวจชั้นดิน🌏⚡✨
การเก็บตัวอย่างดินคงสภาพหมายถึงการเก็บดินขึ้นมาโดยให้มีสภาพใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติมากที่สุด วิธีการเก็บตัวอย่างดินคงสภาพที่นิยมใช้ ได้แก่:

🥇1. การใช้กระบอกเปลือกบาง (Thin Walled Tube):
วิธีนี้เป็นรูปแบบการเก็บตัวอย่างดินโดยใช้กระบอกเปลือกบางที่มีขนาดตั้งแต่ 3 นิ้วขึ้นไป ตัวอย่างดินที่เก็บได้จะมีการกระทบกระเทือนชั้นดินน้อยที่สุด ทำให้ความชื้น ความหนาแน่น และลักษณะโครงสร้างของดินไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นตัวอย่างดินที่มีคุณภาพดีที่สุด สามารถใช้ทดสอบคุณสมบัติต่างๆ ในห้องทดลองได้เกือบทุกอย่าง

✨2. การใช้กระบอกแบบลูกสูบ (Piston Sampler):
กระบอกแบบลูกสูบเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เก็บตัวอย่างดินคงสภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างดินที่ได้จะมีการกระทบกระเทือนน้อยมาก เหมาะสำหรับการทดสอบคุณสมบัติต่างๆ ในห้องปฏิบัติการ

✅3. การใช้กระบอกเก็บตัวอย่างแบบ 2 ชั้น (Double Tube Sampler):
วิธีนี้ใช้กระบอกเก็บตัวอย่างที่มีการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนของตัวอย่างดิน ทำให้สามารถเก็บตัวอย่างดินที่มีคุณภาพดีได้
Quote
บริการ Soil Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท เจาะสํารวจดิน บริการ เจาะดิน วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/

📌📌📌การเก็บตัวอย่างดินเปลี่ยนสภาพ (Disturbed Sample) สำหรับการเจาะดิน📌🦖🎯
เทคนิคเก็บตัวอย่างดินเปลี่ยนสภาพหมายถึงการเก็บดินขึ้นมาโดยมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะโครงสร้างตามธรรมชาติบ้าง ตัวอย่างดินที่ได้อาจมีการอัดแน่นหรือการจับตัวที่เปลี่ยนไป แต่ยังสามารถใช้ในการทดสอบบางอย่างได้ วิธีการเก็บตัวอย่างดินเปลี่ยนสภาพที่นิยมใช้ ได้แก่:

✨1. การใช้กระบอกผ่า (Split Spoon Sampler):
กระบอกผ่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เก็บตัวอย่างดินเปลี่ยนสภาพโดยทั่วไป ใช้ในการตอกทดลองมาตรฐาน (Standard Penetration Test, SPT) ตัวอย่างดินที่ได้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ยังสามารถใช้ทดสอบบางอย่างได้ เช่น การหาขนาดเม็ดดิน การทดสอบ Atterberg’s limit

🛒2. การใช้กระบอกเปลือกบางขนาดเล็ก (Small Thin Wall Tube):
กระบอกเปลือกบางขนาดเล็กเหมาะสำหรับรูปแบบการเก็บตัวอย่างดินที่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะโครงสร้างบ้าง แต่ยังสามารถใช้ในการทดสอบบางอย่างได้

🎯🎯🎯การทดสอบคุณสมบัติดินในสนาม (Field Test) สำหรับการเจาะสำรวจชั้นดิน📢🌏⚡
การทดสอบคุณสมบัติดินในสนามเป็นขั้นตอนที่ทำควบคู่ไปกับการเจาะสำรวจชั้นดิน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีความน่าเชื่อถือ การทดสอบในสนามช่วยให้วิศวกรสามารถประเมินสภาพดินในที่จริงได้อย่างแม่นยำ การทดสอบที่นิยมใช้ได้แก่:

👉1. การตอกทดลองมาตรฐาน (Standard Penetration Test, SPT):
การตอกทดลองมาตรฐานเป็นวิธีการทดสอบความแข็งแรงของชั้นดินที่นิยมมากในประเทศไทย ใช้ลูกตุ้มขนาดมาตรฐานหนัก 140 ปอนด์ ยกสูง 30 นิ้ว ตอกกระบอกผ่าลงในดินเป็นความลึก 18 นิ้ว และบันทึกจำนวนครั้งที่ใช้ในการตอกเพื่อให้กระบอกผ่าจมลงไป การทดสอบ SPT เหมาะสำหรับดินเหนียวแข็งถึงแข็งมากและทรายแน่น

📢2. การทดสอบแรงเฉือน (Vane Shear Test):
ใช้ใบมีด 4 แฉกเสียบลงในชั้นดินแล้วบิดด้วยโมเมนต์บิดเพื่อวัดแรงต้านทานของชั้นดิน วิธีนี้เหมาะสำหรับการทดสอบดินเหนียวอ่อน

⚡3. การวัดการซึมน้ำ (Permeability Test):
การวัดความสามารถในการซึมน้ำของดินโดยการสูบน้ำออกจากหลุมเจาะแล้วดูอัตราการไหลของน้ำเข้ามาแทนที่ในหลุม หรือใช้เครื่องวัดที่เรียกว่า "Piezometer" เพื่อวัดแรงดันน้ำ

🥇4. การหยั่งชั้นดิน (Sounding Method)
การหยั่งชั้นดินเป็นการตอกหรือกดหัวโลหะผ่านก้านต่อแล้ววัดแรงต้านทานของชั้นดิน วิธีที่นิยมใช้ได้แก่:

📢4.1 การตอกทดลองมาตรฐาน (Standard Penetration Test, SPT):🎯
เป็นวิธีที่ใช้ในการหยั่งชั้นดินเพื่อวัดความแข็งแรงของดิน

🌏4.2 Dutch Cone Penetration:🎯
วิธีนี้ใช้กรวยเหล็กกดลงในดินแล้ววัดแรงต้านทานที่เกิดขึ้น

✅4.3 Swedish Sounding:👉
การใช้หัวโลหะกดลงในดินแล้ววัดแรงต้านทานเช่นเดียวกับวิธีอื่น ๆ

✅✅✅วิธีทางธรณีฟิสิกส์ (Geophysical Method) สำหรับการทำ Boring Test⚡✨🥇
การสำรวจทางธรณีฟิสิกส์เป็นการใช้หลักการทางฟิสิกส์เพื่อศึกษาคุณสมบัติของดิน วิธีที่นิยมใช้ได้แก่:

📌1. การวัดความต้านทานของชั้นดิน (Resistivity Survey):
ใช้การวัดความต้านทานของชั้นดินต่อกระแสไฟฟ้าเพื่อประเมินคุณสมบัติของดิน

🌏2. การวัดความเร็วของคลื่นผ่านชั้นดิน (Seismic Survey):
ใช้การวัดความเร็วของคลื่นเสียงที่ผ่านชั้นดินเพื่อประเมินคุณสมบัติทางกลของดิน

การเจาะสำรวจชั้นดินและรูปแบบการเก็บตัวอย่างดินเป็นขั้นตอนสำคัญในการศึกษาคุณสมบัติของดินเพื่อการออกแบบและก่อสร้าง การเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมและการเก็บตัวอย่างดินที่มีคุณภาพดีจะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือในการวางแผนงานวิศวกรรม
Tags : ค่าทดสอบดิน

*

Chanapot

  • *****
  • 3980
    • View Profile
บริการ เจาะดิน | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท เจาะสํารวจดิน บริการ Boring Test ทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบ Seismic Test เสาเข็ม

*

dsmol19

  • *****
  • 4698
    • View Profile
บริการ Soil Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท ทดสอบดิน บริการ Soil Test ทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบเสาเข็ม Seismic Test

*

dsmol19

  • *****
  • 4698
    • View Profile
บริการ Soil Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท เจาะสํารวจดิน บริการ Soil Test ทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน  Seismic Test เสาเข็ม

*

dsmol19

  • *****
  • 4698
    • View Profile
บริการ Soil Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Boring Test บริการ Boring Test ทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบเสาเข็ม Seismic Test