โรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่จะต้องใช้การดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็นศัลยแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งเต้านม อายุรแพทย์โรคมะเร็ง รังสีแพทย์ พยาธิแพทย์ พยาบาล รวมทั้งนักจิตวิทยา ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการดูแลผู้ป่วยเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งกายและใจ การดูแลรักษามะเร็งเต้านมมีหลายวิธีซึ่งมักใช้ร่วมกันตามระยะของโรค รูปแบบของเซลล์ของมะเร็ง และก็สุขภาพโดยรวมของคนป่วย
สามารถอ่านรายละเอียดได้จาก >>
มะเร็งเต้านม https://www.namarak.com/
สำหรับวิธีการดูแลรักษาหลัก อาทิเช่น การผ่าตัด การฉายรังสี การให้เคมีบำบัด ยามุ่งเป้า รวมทั้งภูมิคุ้มกันบำบัด โดยทั่วไปการผ่าตัดเป็นวิธีหลักที่ใช้เมื่อมะเร็งยังอยู่ในระยะต้น ซึ่งตอนนี้มีทั้งยังการผ่าตัดสงวนเต้านมรวมทั้งการผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด การเลือกวิธีขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ขนาดของก้อน และก็สิ่งที่มีความต้องการของคนป่วย ข้างหลังผ่าตัดหมออาจพินิจให้การฉายแสงเพื่อทำลายเซลล์ของมะเร็งที่บางทีอาจคงเหลืออยู่และลดช่องทางการกลับมาเป็นซ้ำ
ด้านการดูแลรักษาด้วยยา แม้เคมีบรรเทายังคงมีบทบาทสำคัญ โดยยิ่งไปกว่านั้นในคนเจ็บที่โรคมะเร็งมีการแพร่ขยายหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง แต่ว่าในปัจจุบันมีทางเลือกใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลและรักษา ดังเช่นว่า ยามุ่งเป้าที่สามารถออกฤทธิ์ต่อโมเลกุลหรือโปรตีนเฉพาะของเซลล์ของโรคมะเร็ง เป็นต้นว่า HER2-targeted therapy ซึ่งแสดงผลกระจ่างในผู้ป่วยที่โรคมะเร็งมีการแสดงออกของ HER2 นอกนั้นยังมีภูมิต้านทานบรรเทาซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของร่างกายให้จดจำรวมทั้งทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างเฉพาะเฉพาะเจาะจง นับว่าเป็นความรุ่งเรืองที่สร้างความมุ่งหวังใหม่สำหรับในการรักษามะเร็งเต้านม
อีกหัวข้อสำคัญคือการตรวจมะเร็งเต้านมเพื่อค้นหาในระยะเริ่มต้น ยิ่งตรวจพบเร็ว โอกาสในการรักษาให้หายขาดก็สูงขึ้น ทางปัจจุบันนี้แนะนำให้สตรีอายุ 40 ปีขึ้นไปตรวจแมมโมแกรมบ่อยๆทุกปีหรือทุกสองปี ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงเฉพาะบุคคล ถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือมีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม ควรเริ่มตรวจเร็วกว่านี้แล้วก็บางทีอาจใช้ MRI ร่วมด้วย การตรวจด้วยอัลตราซาวด์ก็เป็นประโยชน์โดยยิ่งไปกว่านั้นในผู้ที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น
นอกจากการรักษาทางด้านการแพทย์แล้ว การดูแลแบบองค์รวมยังมีบทบาทสำคัญ คนเจ็บควรได้รับการสนับสนุนด้านโภชนาการ การบริหารร่างกายที่เหมาะสม การจัดการความเครียด รวมทั้งการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายแล้วก็จิตใจหลังการรักษา งานวิจัยจำนวนไม่น้อยรับรองว่าคนไข้ที่มีวิถีชีวิตที่สมดุลและมีระบบช่วยเหลือที่ดีจากครอบครัวหรือชุมชน จะมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่ารวมทั้งสามารถรับมือกับผลข้างเคียงจากการดูแลรักษาเจริญขึ้น
ในเชิงป้องกัน การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะไม่อาจจะแทนที่การตรวจโดยหมอหรือเครื่องมือทางการแพทย์ได้ แต่ช่วยให้หญิงรู้จักพินิจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเองได้เร็วขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การเจอก้อนไม่ปกติที่เต้านม การมีเลือดหรือน้ำใสออกจากจุกนม หรือการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง ถ้าเกิดมีลักษณะพวกนี้ควรรีบเจอหมอเพื่อรับการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง
การศึกษาวิจัยและสิ่งใหม่ใหม่ๆยังคงปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในด้านการรักษามะเร็งเต้านม ไม่ว่าจะเป็นการตรวจทางพันธุกรรมที่ละเอียดขึ้นเพื่อคัดเลือกกรองผู้มีความเสี่ยง การพัฒนายาใหม่ที่ลดผลข้างเคียง หรือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับการอ่านผลแมมโมแกรมรวมทั้ง MRI ให้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น สิ่งกลุ่มนี้ช่วยเสริมความสามารถของการวินิจฉัยและรักษาให้ดีขึ้นไปอีกขั้น
สุดท้ายแล้ว โรคมะเร็งเต้านมไม่ใช่โรคที่ควรจะมองว่าเป็นคำพิพากษาสุดท้ายของชีวิตอีกต่อไป ด้วยความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการด้านการแพทย์ การเข้าถึงการ
ตรวจมะเร็งเต้านมอย่างต่อเนื่อง และการดูแลรักษาที่ครอบคลุมเฉพาะตัว ทำให้คนไข้ไม่น้อยเลยทีเดียวสามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ การตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจคัดเลือกกรองและการดูแลและรักษาอย่างทันการก็เลยเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการต่อสู้กับโรคนี้
ตรวจมะเร็งเต้านม https://www.namarak.com/
