✅การเจาะดิน📢 สิ่งจำเป็น 📢แต่คนมองข้าม ทำไมต้องเจาะสำรวจดิน?⚡

  • 3 Replies
  • 499 Views
*

Jessicas

  • *****
  • 4233
    • View Profile
🥇⚡🎯โดยปกติแล้วเมื่อท่านทำการก่อสร้างบ้าน อาคารต่าง ๆ📢 ถ้าท่านไม่ใช่วิศวกรส่วนใหญ่ก็จะทำตามแนวทางที่ผู้รับเหมาก่อสร้างแนะนำ🎯 แต่ผู้รับเหมาบางราย👉ต้องการลดค่าใช้จ่าย✅ (ผมขอย้ำว่าบางราย ไม่ใช่ทุกรายนะครับ✅) ก็จะตัดการทดสอบที่ตนเห็นว่าไม่จำเป็นออกไป📌 ซึ่งสิ่งแรก ๆ ที่ตัดสินใจตัดออกคงหนีไม่พ้นเรื่องการเจาะสำรวจดินก็เป็นแน่📌 ในบทความนี้จะอธิบายให้ท่านเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเจาะสำรวจดินก่อนการก่อสร้างอาคาร📌 ว่าเหตุใดจึงไม่ควรมองข้ามและมีประโยชน์อย่างไร👉



👉📢🌏🌏เหตุผลในการเจาะสำรวจดิน🎯🎯✅👉✅

1. เพื่อทราบชนิดและประเภทของดินใต้พื้นที่ก่อสร้าง🛒 เพื่อประเมินลักษณะเชิงกล🌏 เพื่อเลือกฐานรากที่เหมาะสม🛒 หากดินแข็งพอ อาจเลือกใช้เป็นฐานแผ่🎯
2. ทำให้ทราบความลึกของชั้นดินดาน (ดินแข็ง)👉 ว่าอยู่ลึกลงไปเท่าไร เพื่อการคำนวณกำลังรับน้ำหนักของเสาเข็ม✅ และการประเมินความยาวเสาเข็มที่เหมาะสม🎯
3. การลดข้อผิดพลาดในการตอกเสาเข็ม🦖 หากเจอชั้นดินแข็งแต่ไม่หนา ที่ชั้นความลึกน้อย ๆ📌 อาจทำให้คนตอกเสาเข็มหยุดตอก เพราะคิดว่าถึงชั้นดินแข็งแล้ว📌 แต่ที่จริงสามารถตอกต่อไปได้อีกเล็กน้อย📢
4. หากดินในบริเวณที่สำรวจมีความผันผวนมาก✨ วิศวกรอาจสั่งให้เจาะสำรวจหลายหลุมเพื่อเปรียบเทียบ📌 อาจต้องออกแบบฐานรากหลายแบบเพื่อก่อสร้างอาคารในบริเวณนั้น✅

📌🦖🎯🛒วิธีการเจาะสำรวจดินที่นิยม✨📌🦖🎯🎯

1. การใช้เครื่องเจาะ Motorized Drilling Rig🦖
เครื่องเจาะที่เคลื่อนย้ายสะดวก📌 อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบรรดาหน่วยเจาะสำรวจดิน🌏 ว่ากันด้วยเรื่องของความง่าย🥇 และรวดเร็วในการติดตั้ง🛒 ทำให้งานเจาะสำรวจดินเสร็จเร็วขึ้น ในที่นี้ขอกล่าวถึง การเจาะแบบฉีดล้าง (Wash Boring)👉 ก็จะเป็นในลักษณะของการใช้เครื่องสูบน้ำและหัวกระทุ้ง (Chopping Bit)🛒 ต่อจากแท่งเจาะ🦖 ปลายบนต่อกับหัวหมุนน้ำ🦖 ซึ่งจะต่อไปยังเครื่องสูบน้ำขณะทำการกระทุ้งดินด้วยเครื่องกว้าน✅ จะทำการสูบน้ำฉีดหัวเจาะผ่านรูก้านเจาะตลอดเวลา✅ น้ำที่ฉีดจะไหลวนขึ้นมาพร้อมกับเศษดิน ซึ่งจะมาตกในบ่อน้ำวน จนได้ความลึกที่ต้องการเก็บตัวอย่าง
การเจาะตลอดความลึกของหลุมเจาะ ในดินเหนียวอ่อน✨ หลุมเจาะจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้วและลดลงเหลือ 3 นิ้ว ในดินแข็ง✨ ระหว่างดำเนินการเจาะสำรวจดินก็ต้องมีการฝัง Casing✅ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้วลงไปจนถึงชั้นดินแข็ง🥇 เพื่อป้องกันการพังทลาย📌 และใช้ Bentonite Slurry✅ ช่วยกันดินพังในชั้นทราย🎯 ทำการเจาะจนถึงชั้นดินแข็งที่มีค่า SPT-N > 50🥇

2.การเจาะสำรวจดินด้วย Rotary Drilling✨
สามารถใช้เจาะดินได้ทุกประเภท🌏 เป็นลักษณะของเครื่องมือเจาะที่มีประสิทธิภาพสูง⚡ ด้วยระบบไฮดรอลิก (Hydraulic)🦖 เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแทนแรงงานคนและแรงโน้มถ่วง⚡ สามารถเจาะได้ลึกกว่า 40 เมตร✨ โดยใช้เครื่องยนต์ (Rotary Drilling Rig)🎯 ที่ส่งกำลังแรงปั่นหัวเจาะลงไปลึก ๆ และอยู่ในระดับความเร็วที่ต้องการ🥇 ดินจะถูกปั่นขึ้นมาตาม (flight auger)📌
วิธีนี้เครื่องยนต์จะใช้กำลังบิดหัวเจาะมาก🦖 ดังนั้นจึงมักเจาะช่วงสั้น ๆ เช่น 1.5 เมตร📢 แล้วยกหัวเจาะขึ้นนำดินออก✨ แล้วจึงนำไปเจาะต่ออีก 1.5 เมตร🦖 จึงสามารถตรวจลักษณะชั้นดินได้ตลอดความลึก🌏 การใช้หัวเจาะร่วมกับการเจาะแบบฉีดล้าง🎯 หรือการเจาะด้วยความเร็วสูง🦖 ทำให้ตัดดินขาดออก พร้อมทั้งปล่อยน้ำ🦖 โดยใช้แรงดันน้ำจากปั๊มน้ำแรงดันสูง🥇 เพื่อพาดินขึ้นมาที่ผิวดิน🦖 เศษดินและหินถูกส่งขึ้นมาพร้อมน้ำจากหัวเจาะ🦖 ในดินแข็งหลุมจะไม่พังทลาย✨

แต่ในดินแบบ soft clay หรือ sand🥇 ต้องสวมท่อเหล็กเพื่อป้องกันดินพังทลาย✨ หรือไม่ก็ต้องใช้ drilling mud (ส่วนผสมของน้ำกับสาร Bentonite)⚡ ผสมลงในน้ำที่ฉีดลงไปในหลุมเจาะ เพื่อป้องกันการพังทลายของหลุมเจาะ✨ นอกจากจะทำให้ผนังและหลุมเจาะไม่พังแล้ว ยังช่วยพาเอาวัสดุเม็ดใหญ่จากก้นหลุมขึ้นมาด้วย👉 เป็นเหตุให้หลุมเจาะสะอาด ในกรณีพบหินแข็งต้องใช้หัวเจาะเพชรเพื่อตัดชั้นหินและเก็บตัวอย่างหิน📌 จึงเรียกว่า การเจาะหิน (Rock Coring)🌏
Tags : ทดสอบดิน