มูลนิธิไทยรักษ์ป่า มูลนิธิเพื่อการรักษาป่าไม้อย่างยั่งยืน
เกี่ยวกับมูลนิธิไทยรักษาป่า ร่วมสร้างความสำนึกอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
มูลนิธิไทยรักษ์ป่า ก่อตั้งขึ้นจากจุดหมายของเอ็กโก กลุ่ม ที่จะสนับสนุนการรักษาสิ่งแวดล้อมแล้วก็ผืนป่าต้นน้ำที่สำคัญของประเทศให้กำเนิดความคงทนถาวร เพื่อร่วมเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งสำหรับการสืบต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมท้องนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 แล้วก็สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระราชหฤทัยเป็นจริงเป็นจังอย่างมากต่อการอนุรักษ์ป่า
มูลนิธิไทยรักษ์ป่ามุ่งมาดเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดที่จะส่งเสริมให้กำเนิดความร่วมมือสำหรับการสร้างเครือข่ายการปลูกสามัญสำนึกที่ความรักษ์ป่า โดยร่วมมือและก็ช่วยเหลือโครงข่ายต่างๆตลอดจนผลักดันการมีส่วนร่วม
แผนการของมูลนิธิไทยรักษ์ป่า
- ด้านการสร้างความแข็งแกร่งโครงข่ายชุมชน
การทำงานระดับโครงข่ายลุ่มน้ำ สร้างความเป็นเจ้าของร่วมในทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่าในที่ลุ่มด้วยกัน เกิดความเข้มแข็งสำหรับเพื่อการบริหารจัดแจง อันเป็นการดูแลและรักษาทรัพยากรป่าดงอย่างยั่งยืน
- ด้านการปลูกสามัญสำนึกเยาวชนและสามัญชน
การนำวิชาความรู้และก็ความสวยงามของผืนป่ามาเป็นแหล่งทำความเข้าใจ โดยการพัฒนาทางเพื่อผู้คนเดินทางเข้าหาธรรมชาติ ก่อให้เกิดจุดเริ่มแรกของความรักแล้วก็หวงทรัพยากรธรรมชาติ
- ด้านการอนุรักษ์รวมทั้งฟื้นฟู
“คนอยู่ได้ ป่าอยู่ได้” เป็นวิธีการสำคัญของโครงการฯ โดยมุ่งสร้างความเข้มแข็งและก็ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
มูลนิธิไทยรักษ์ป่า กับสนับสนุนให้ชุมชนรักษารวมทั้งอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน
ความสำคัญของป่าต้นน้ำในระบบน้ำฝนและการอนุรักษ์น้ำ
ป่าต้นน้ำ คือผืนป่าในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 700 เมตรขึ้นไป เป็นบ่อเกิดของแม่น้ำสายธารที่หล่อเลี้ยงที่ราบลุ่มตอนล่าง รวมทั้งฯลฯทางของน้ำสะอาดที่ต้องต่อทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือพืช
ป่าต้นน้ำทำหน้าที่เหมือน “โรงงานผลิตน้ำจืดธรรมชาติ” ที่ทำงานอย่างไม่มีวันหยุด ด้วยแนวทางการซึมซับ กักเก็บ และก็ปล่อยน้ำอย่างสม่ำเสมอ ช่วยรักษาความชื้นของระบบนิเวศ แล้วก็ควบคุมสภาพอากาศให้อ่อนโยน
ความสำคัญของป่าต้นน้ำต่อระบบนิเวศรวมทั้งการกักเก็บน้ำธรรมชาติ
ป่าต้นน้ำ คือ พื้นที่ป่าไม้ที่อยู่รอบๆต้นน้ำ มักอยู่ภายในเขตพื้นที่สูงหรือแนวเขาที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายหลัก หน้าที่สำคัญของป่าต้นน้ำมีหลายประการ ดังต่อไปนี้
1. กรรมวิธีการซึมซับแล้วก็กักเก็บน้ำฝนของป่าต้นน้ำ
เมื่อฝนตกลงมา พืชและต้นไม้ในป่าจะช่วยชะลอการไหลของน้ำฝน เรือนยอดของต้นไม้สามารถดักน้ำฝนได้ถึง 20-30% ส่วนที่เหลือจะไหลลงสู่พื้นดิน โดยระบบรากของพืชและก็ชั้นอินทรียวัตถุบนพื้นป่าจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำธรรมชาติ ดูดซึมน้ำฝนและค่อยๆปลดปล่อยออกมาอย่างสม่ำเสมอจากภาพอธิบายจะมีความคิดเห็นว่า ป่าต้นน้ำมีพืชหลายประเภท โดยมีราก ใบไม้ แล้วก็ซากพืชทับถมกันเป็นชั้นครึ้มบนพื้นป่า ช่วยทำให้น้ำฝนซึมลงดินช้าๆแทนที่จะไหลท่วมไปอย่างเร็วจนถึงเกิดน้ำหลากทันควัน ป่าต้นน้ำที่บริบูรณ์สามารถกักเก็บน้ำได้มากถึง 2-3 เท่าของน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่
2. หน้าที่ของพืชพรรณสำหรับการรักษาน้ำและก็ควบคุมการไหลของน้ำ
พรรณไม้ในป่าต้นน้ำมีความหลากหลายรวมทั้งแต่ละประเภทมีหน้าที่ต่างกันสำหรับเพื่อการสงวนน้ำ
ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ (500 ชนิด): รากแก้วหยั่งลึกช่วยเจาะชั้นดินแล้วก็หิน ทำให้น้ำซึมลงสู่ชั้นใต้ดินได้ดี
พืชพื้นข้างล่าง (18,000 ชนิด): ช่วยปกคลุมดิน คุ้มครองป้องกันการชะล้างพังทลาย
กล้วยไม้แล้วก็พืชอิงอาศัย (1,000 ชนิด): ช่วยดักจับความชื้นในอากาศ
พืชเครือญาติมอสแล้วก็ไลเคน (2,000 ประเภท): เปรียบได้กับฟองน้ำขนาดเล็ก สามารถซับน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวหลายเท่า
3. ระบบน้ำใต้ดินแล้วก็การเติมน้ำลงสู่ชั้นหินอุ้มน้ำ
น้ำฝนที่ซึมผ่านชั้นดินในป่าต้นน้ำจะถูกกรองให้สะอาดรวมทั้งค่อยๆไหลซึมลงสู่ชั้นหินซับน้ำใต้ดิน (Aquifer) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำรองตามธรรมชาติ จากภาพจะมีความคิดเห็นว่ามีชั้นหินซับน้ำใต้ดินที่เก็บกักน้ำไว้ถึง 60,000 จำพวก และยังมีสัตว์ใต้ดินอีกกว่า 350 ชนิดที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศใต้ดินนี้ น้ำที่ถูกเก็บไว้ภายในชั้นหินอุ้มน้ำจะค่อยๆไหลซึมออกมาเป็นน้ำพุ ตาน้ำ หรือที่น้ำซับ แปลงเป็นแหล่งกำเนิดของสายธารรวมทั้งแม่น้ำ ทำให้มีน้ำไหลตลอดทั้งปีถึงแม้ในฤดูแล้ง
4. ผลกระทบจากการสูญเสียพื้นที่ป่าต้นน้ำต่อระบบน้ำธรรมชาติ
การตัดต้นไม้ทำลายธรรมชาติ การบุกรุกพื้นที่เพื่อทำไร่ทำนา รวมทั้งการพัฒนาที่ไม่คิดถึงระบบนิเวศ ทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อป่าต้นน้ำและระบบน้ำธรรมชาติอย่างรุนแรง
5. การปรากฏน้ำท่วม-น้ำแล้งจากการสูญเสียป่าต้นน้ำ
เมื่อป่าต้นน้ำถูกทำลาย ความรู้ความเข้าใจสำหรับการเก็บกักน้ำจะต่ำลงอย่างมาก น้ำฝนจะไหลหลาก
มูลนิธิไทยรักษ์ป่า อย่างรวดเร็วลงสู่พื้นที่ต่ำ ส่งผลให้เกิดอุทกภัยกระทันหันในช่วงฤดูฝน ขณะที่ในฤดูแล้ง จะเกิดภาวะขาดน้ำอย่างหนัก เนื่องมาจากไม่มีการกักเก็บน้ำไว้ในระบบ งา นวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พบว่า พื้นที่ที่มีป่าต้นน้ำถูกทำลายไปมากกว่า 50% จะกำเนิดน้ำท่วมรุนแรงในช่วงฤดูฝนแล้วก็ขาดน้ำในฤดูแล้งเพิ่มขึ้นถึง 3-5 เท่า เมื่อเทียบกับพื้นที่ที่ยังมีป่าต้นน้ำสมบูรณ์
6. ความเคลื่อนไหวคุณภาพน้ำและผลต่อระบบนิเวศทางน้ำ
เว้นเสียแต่ปัญหาปริมาณน้ำแล้ว การสูญเสียป่าต้นน้ำยังมีผลต่อคุณภาพน้ำด้วย น้ำที่ไหลผ่านพื้นที่ทำการเกษตรมักปนเปื้อนสารเคมีและตะกอนดิน เมื่อไม่มีป่าคอยกรองรวมทั้งดักจับสิ่งพวกนี้ น้ำในแม่น้ำลำน้ำก็เลยมีคุณภาพลดลง ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำและก็การใช้ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากมนุษย์ งานเรียนของกรมอุทยานแห่งชาติพบว่า แม่น้ำที่มีต้นน้ำอยู่ภายในเขตพื้นที่ป่าบริบูรณ์จะมีค่าออกสิเจนละลายน้ำ (DO) สูงขึ้นยิ่งกว่า แล้วก็มีปริมาณตะกอนแขวนลอยต่ำยิ่งกว่าแม่น้ำที่มีต้นน้ำจากพื้นที่เกษตรกรรมหรือพื้นที่ที่ป่าถูกทำลาย
ป่าต้นน้ำเป็นระบบนิเวศที่มีความจำเป็นเป็นอย่างมากต่อการอนุรักษ์และรักษาน้ำฝนตามธรรมชาติ
มูลนิธิไทยรักษ์ป่า ทำหน้าที่เหมือนโรงงานผลิตน้ำจืดที่ดูดซึม เก็บกัก และเบาๆปล่อยน้ำออกมาอย่างสม่ำเสมอ การสูญเสียพื้นที่ป่าต้นน้ำก่อให้เกิดปัญหาอุทกภัย น้ำแล้ง รวมทั้งการขาดแคลนน้ำ
การอนุรักษ์และรักษารวมทั้งฟื้นฟูป่าต้นน้ำจึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน โดยจะต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมมือจากทุกภาคส่วน อีกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งชุมชนแคว้น รวมทั้งการนำเทคโนโลยีรวมทั้งสิ่งใหม่มาปรับใช้อย่างเหมาะสม
ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงลักษณะภูมิอากาศ ป่าต้นน้ำยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น ในฐานะกลไกธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบนิเวศรวมทั้งบรรเทาผลพวงจากภัยพิบัติทางน้ำ
การลงทุนสำหรับเพื่อการรักษาป่าต้นน้ำจึงไม่ใช่เพียงแต่การลงทุนเพื่อสภาพแวดล้อม แต่เป็นการลงทุนเพื่อความยั่งยืนทางน้ำ
มูลนิธิไทยรักษ์ป่า และก็อาหารของประเทศในระยะยาว
เครดิตบทความ
https://thairakpa.org/