โรคงูสวัด คือการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง

  • 3 Replies
  • 1072 Views
*

Jenny937

  • *****
  • 6326
    • View Profile
โรคงูสวัด คือการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดผื่นที่เจ็บปวด เกิดจากไวรัส varicella-zoster ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส หลังจากที่บุคคลหนึ่งเป็นโรคอีสุกอีใส ไวรัสจะยังคงอยู่ในเนื้อเยื่อประสาทและสามารถกลับมาทำงานอีกครั้งในปีต่อมาเพื่อทำให้เกิดโรคงูสวัด

โรคงูสวัดมักเกิดกับผู้สูงอายุและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ความเสี่ยงในการเกิดโรคงูสวัดจะเพิ่มขึ้นตามอายุ และคาดว่า 1 ใน 3 ของประชากรจะเป็นโรคนี้ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต ในบทความนี้ เราจะพูดถึงสาเหตุ อาการ การรักษา และการป้องกันโรคงูสวัด
สาเหตุหลักของโรคงูสวัดคือการเปิดใช้งานไวรัส varicella-zoster อีกครั้ง การเปิดใช้งานใหม่นี้มักเกิดขึ้นเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอันเป็นผลมาจากอายุที่มากขึ้นหรือสภาวะสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เช่น เอชไอวี/เอดส์ มะเร็ง หรือโรคแพ้ภูมิตนเอง อย่างไรก็ตาม ความเครียด การบาดเจ็บ หรือการใช้ยาบางชนิดอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคงูสวัดได้
สัญญาณแรกของโรคงูสวัดมักเป็นอาการรู้สึกเสียวซ่าหรือแสบร้อนที่ด้านใดด้านหนึ่งของร่างกายหรือใบหน้า ความรู้สึกนี้มักตามมาด้วยผื่นแดงที่พัฒนาเป็นกลุ่มตุ่มพองที่เต็มไปด้วยของเหลว ผื่นอาจสร้างความเจ็บปวดอย่างมากและอาจคงอยู่เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ก่อนที่จะแห้งและกลายเป็นสะเก็ด อาการอื่นๆ อาจรวมถึงมีไข้ ปวดศีรษะ เหนื่อยล้า และไวต่อแสง
การวินิจฉัยโรคงูสวัดจะขึ้นอยู่กับการตรวจร่างกายและประวัติทางการแพทย์เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับการวินิจฉัย สามารถทดสอบตัวอย่างจากตุ่มพองเพื่อยืนยันการมีอยู่ของไวรัส varicella-zoster
การรักษาโรคงูสวัดมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการปวดและไม่สบายขณะเดียวกันก็ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคประสาทหลังเกิด postherpetic (PHN) ซึ่งเป็นภาวะที่อาการปวดเส้นประสาทยังคงมีอยู่หลังจากผื่นหายแล้ว มักมีการสั่งจ่ายยา เช่น ยาต้านไวรัส เพื่อลดระยะเวลาการติดเชื้อและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน ยาแก้ปวด ครีมเฉพาะที่ และยาชาอาจใช้เพื่อจัดการกับความเจ็บปวดได้
นอกจากการใช้ยาแล้ว ยังมีวิธีรักษาที่บ้านบางอย่างที่สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคงูสวัดได้ การประคบเย็นหรือการอาบน้ำเย็นสามารถช่วยบรรเทาอาการคันและความเจ็บปวดได้ โลชั่นคาลาไมน์หรือยาแก้แพ้ที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์สามารถช่วยบรรเทาอาการคันได้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องรักษาผื่นให้สะอาดและแห้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคงูสวัดคือการฉีดวัคซีน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แนะนำให้ฉีดวัคซีนสองโดสที่เรียกว่า Shingrix สำหรับผู้ใหญ่อายุ 50 ปีขึ้นไป วัคซีนนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันโรคงูสวัดและลดความเสี่ยงของ PHN แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะเคยเป็นโรคงูสวัดมาก่อน แต่ก็ยังควรได้รับการฉีดวัคซีน เนื่องจากจะช่วยป้องกันการเกิดซ้ำในอนาคตได้
นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว การรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดียังช่วยป้องกันโรคงูสวัดได้อีกด้วย การรับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนหลับให้เพียงพอจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อ เช่น โรคงูสวัด การจัดการระดับความเครียดก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เนื่องจากความเครียดทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
โดยสรุป โรคงูสวัดคือการติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากการเปิดใช้งานไวรัส varicella-zoster อีกครั้ง โดยส่วนใหญ่จะส่งผลต่อผู้สูงอายุและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาการหลักคือมีผื่นที่เจ็บปวดซึ่งอาจคงอยู่เป็นเวลาหลายสัปดาห์ การรักษารวมถึงการใช้ยาเพื่อจัดการกับความเจ็บปวดและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น PHN การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคงูสวัดควบคู่ไปกับการรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี หากคุณพบอาการของโรคงูสวัด สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การรักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ  อาหารเสริม Ucore สอบถามก่อนสั่งซื้อเพื่อแนะนำ

ขออนุญาตดันกระทู้ อาหารเสริม Ucore

*

Jenny937

  • *****
  • 6326
    • View Profile
ขออนุญาตดันกระทู้ อาหารเสริม Ucore

*

Jenny937

  • *****
  • 6326
    • View Profile
ขออนุญาตดันกระทู้ อาหารเสริม Ucore